ตอนนี้ใครที่เคยเจอปัญหาในชีวิต โดนคนรอบข้างใส่ความใส่ร้ายอยู่ตลอดโดยที่ไม่มีความผิดอะไร ลองมองย้อนกลับไปดูตัวเองว่าเคยทำอะไรไว้กับใคร บางคนไม่รู้ตัวหลอกมันเกิดขึ้นจากผลกรรมที่เคยทำมาอดีตชาติ
ตัวอย่างคำถามหนึ่ง
คนที่ไม่มีความผิดเลย แต่ถูกใส่ความทำให้เสียชื่อเสียง เรียกว่ารับผลของกรรมเก่าใช่ไหม คือบุคคลที่ถูกใส่ความจนต้องขึ้นโรงศาลโดยไม่มีความผิดนั้น ชาติก่อนเคยใส่ความคนอื่นใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นการแผ่เมตตาให้คู่กรณี จะทำให้หมดเวรหมดกรรมต่อกันได้หรือไม่ครับ?
เรื่องคนถูกใส่ความ แต่ละรายมีสาเหตุไม่เหมือนกัน มีทั้งเนื่องจากผลของกรรมในอดีต และผลจากการกระทำในปัจจุบันของเขา อย่างกรณีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถูกนางจิญจมาณวิกา ใส่ความว่าทำให้นางท้องนั้น เป็นกรรมเก่าของพระองค์ในอดีตชาติ
เรื่องก็มีอยู่ว่า นางจิญจมาณวิกาคนนี้ เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งในเมืองสาวัตถี วันหนึ่งขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังเทศน์อยู่ แกเดินแหวกคนเข้ามายืนกลางศาลาแล้วพูดเปรี้ยงออกมาเลย "พระพุทธเจ้าข้า พระองค์นั้นดีแต่สอนคนอื่นทีลูกในท้องนี่กลับไม่สนใจ ปล่อยให้ดิฉันลำบากอยู่คนเดียว" ทำหน้าตาขึงขังใส่ความว่าพระพุทธองค์ทำแกท้อง นี่ยกตัวอย่าง
ถามว่ากรรมอะไร เรื่องนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงระลึกชาตฺไปดู แล้วทรงเกิดเป็นฤาษีอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง มีคนมานับถือมากมาย ต่อมามีฤาษีอีกท่านหนึ่งเข้ามาอยู่ในป่าเดียวกันฤาษีท่านนั้นเก่งมาก ต่อมาฤาษีอีกท่านนั้นเก่งมาก ฝึกสมาธิได้ผลดี มีฤทธิ์กว่าพระองค์ มีคนมาฝากตัวเป็นลูกศิษญ์มากกว่า
พระองค์เกิดอิจฉาฤาษีท่านนั้น ก็เลยไปพูดใส่ความว่าฤาษีนั้น มีความประพติไม่ดี เข้าทำนองเป็นหลวงตาชอบกินไก่วัด ชอบไปยุ่งกับผู้หญิง เคยทำผู้หญิงท้องมาแล้วด้วย เล่าเป็นตุเป็นตะไปเลย ชาวบ้านเขาก็เชื่อ เลิกนับถือฤาษีท่านนั้น หันมานับถือพระองค์เกือบทั้งหมด เวรนั้นเองติดตามล้างผลาญพระองค์นับชาติไม่ถ้วน ถูกใส่ความมาทุกชาติๆแม้ชาติสุดท้ายตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังถูกนางจิญจมาณวิกา ใส่ความว่าทำแกท้อง
ความอิจฉาริษยา การใส่ความคนอื่นนั้น ผลของกรรม ร้ายแรงนัก ยิ่งไปใส่ความคนดี คนบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ ผลของกรรมยิ่งร้ายแรงหนัก อย่างนางจิญจมาณวิกานั้น พอใส่ความเสร็จก็ถูกธรณีสูบทันตาเห็น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเคยผิดพลาดใส่ความคนดีไว้ตั้งแต่อดีตชาติ ถึงคราวก็ต้องรับผลของกรรมนั้นเหมือนกันพวกเราถ้าถูกใส่ความโดยไม่รู้ตัวอยู่ว่าไม่ได้ทำผิด ทำชั่วอย่างที่เขากล่าวหา ก็ต้องทำใจคิดว่าเป็นกรมเก่าของเราในอดีตชาติให้ใช้ความอดทนเป็นฐานตั้งรับหน้าไว้ก่อน แล้วใช้สติและปัญญาคิดแก้ปัญหาให้หลุดเป้นเปลาะๆไป
อย่างไรก็ดี ควรระวังไว้ด้วยว่าเหตุปัจจุบันที่เราก่อขึ้นก็เป็นผลให้ถูกใส่ความได้เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น การปล่อยตัวให้จมอยู่ในอบายมุข ได้แก่ การเที่ยวกลางคืน การคบเพื่อนชั่ว แม้ยังไม่ทันทำความชั่ว ก็มีสิทธิ์ถูกใส่ความแล้ว
ส่วนการจะแผ่เมตตาให้คู่กรณีนั้น สมควรทำ เพราะได้ประโยชน์แก่ตัวเองก่อนแน่นอน คือพอแผ่เมตตาออกไปแล้ว ใจจะกว้างขวาง ไม่คิดอาฆาตพยาบาทใคร เพราะฉะนั้นทุกครั้งหลังนั่งสมาธิประจำวัน ใจผ่องใสดีแล้ว ให้นึกแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายให้เคยชินเป็นนิสัย พอได้นิสัยอย่างนี้แล้วใครจะใส่ความอย่างไรก็ไม่สะทกสะท้าน มีสติปัญญาหาทางแก้ไขความเข้าใจผิดของใครๆให้ลุล่วงไปได้
จากหนังสือ:หลวงพ่อ ตอบปัญหา
พระภาวนาวิริคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
(พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่มที่70 หน้า221)